อนุสรณ์สถานยุทธนาวีฯ
2022-12-20 10:17:24 ใน ที่เที่ยวบนฝั่งตราด » 0 721
ที่เที่ยวตราดเชิงประวัติศาสตร์ วันที่ 17 มกราคม 2484 เป็นวันที่มีการสู้รบทางเรือระหว่างไทยกับฝรั่งเศส อันนับเป็นยุทธนาวีครั้งสำคัญยิ่งของกองทัพเรือไทยเท่าที่ได้เคยมีมาในอดีต กองทัพเรือจึงได้ถือเอาวันที่ 17 มกราคม ของทุกปี เป็นวันสดุดีวีรชนกองทัพเรือ เพื่อแสดงความเคารพและรำลึกถึงวีรกรรมของทหารหาญแห่งราชนาวีไทย ที่ได้สละชีวิตเพื่อรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติจวบจนปัจจุบัน
ในครั้งนั้น ฝรั่งเศสส่งกำลังเข้ารุกล้ำน่านน้ำไทยบริเวณเกาะช้าง รวมทั้งสิ้น 7 ลำ โดยมีเรือธงลามอตปิเกต์ ซึ่งลำนี้ลำเดียวมีระวางขับน้ำถึง 9,350 ตัน นอกจากนั้นยังมีเรือสลุตอีก 2 ลำ และเรือปืนอีก 4 ลำ ขณะที่กองทัพไทย มีกำลังรบเพียง 3 ลำ คือ เรือหลวงธนบุรี เรือหลวงสงขลา และเรือหลวงชลบุรี เราจึงเสียเปรียบในด้านกำลังรบอย่างไม่อาจจะเทียบกันได้ แต่บรรพบุรุษทหารเรือของเรายังคงมีขวัญและกำลังใจที่ดี และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญตราบจนเรือหลวงของไทยทั้ง 3 ลำ ต้องจมลงสู่อ้อมอกของท้องทะเลตราดพร้อมกับนายทหารและทหารประจำเรือที่เสียชีวิตไปถึง 36 นาย
หากเราย้อนไปดูประวัติการรบทางเรือของราชนาวีไทย ยังมีการรบที่ควรนำมากล่าว ณ ที่นี้ ที่บรรพบุรุษทหารเรือได้เข้าปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างเต็มกำลังความสามารถ คือการรบที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม รศ.112 เรือรบฝรั่งเศส 2 ลำ ได้ตีฝ่าเข้ามาในแม่น้ำเจ้าพระยา กำลังทางเรือของเราอันประกอบด้วย เรือหลวงมงกุฎราชกุมาร เรือหลวงนฤเบนทร์บุตรี เรือหลวงทูลกระหม่อม เรือหลวงหาญหักศัตรู และกำลังที่ป้อมพระจุลจอมเกล้า และป้อมผีเสื้อสมุทร ได้ร่วมกันปกป้องแผ่นดินเพื่อรักษาเอกราชอย่างสุดความสามารถ ในครั้งนี้ ทหารเรือเสียชีวิตไปทั้งหมด 12 นาย ในปีพุทธศักราช 2483 กองทัพเรือได้ส่งเรือไปร่วมสมทบกับกำลังทางเรือของสหประชาชาติในสงครามเกาหลี ทำให้เราต้องสูญเสียเรือหลวงประแสร์ลำแรกไปพร้อมกับชีวิตของทหารเรืออีก 2 นาย
บรรพบุรุษของทหารเรือผู้กล้าหาญที่กล่าวมาข้างต้น หรือแม้แต่ที่มิได้กล่าวถึง ต่างก็ได้ยอมสละชีวิตอันมีค่าของตนเพื่อปกป้องแผ่นดินไทย สมเป็นชายชาติทหารอย่างแท้จริงดังเช่นบรรพบุรุษที่กล้าหาญของเราได้เคยกระทำไว้เพื่อรักษาแผ่นดินไทย ให้ดำรงความเป็นเอกราชตราบเท่าทุกวันนี้ วีรกรรมของท่านเหล่านี้ได้นำเกียรติประวัติอันดีงามมาสู่ประเทศไทยเรา
ภายในอนุสรณ์สถาน มีการจัดแสดงประวัติการสู้รบระหว่างกองทัพเรือไทยและกับกองทัพเรือฝรั่งเศส และพระราชประวัติขององค์พระบิดากองทัพเรือไทย พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หรือ “เสด็จเตี่ย” บริเวณโดยรอบของสถานที่เป็นจุดชมวิวซึ่งสามารถมองเห็นเกาะช้างได้อย่างชัดเจน
อนุสรณ์สถานยุทธนาวี เกาะช้าง
ประวัติศาสต์สู้รบทางเรือแห่งสยามประเทศ
ประวัติศาสต์สู้รบทางเรือแห่งสยามประเทศ
ที่เที่ยวตราดเชิงประวัติศาสตร์ วันที่ 17 มกราคม 2484 เป็นวันที่มีการสู้รบทางเรือระหว่างไทยกับฝรั่งเศส อันนับเป็นยุทธนาวีครั้งสำคัญยิ่งของกองทัพเรือไทยเท่าที่ได้เคยมีมาในอดีต กองทัพเรือจึงได้ถือเอาวันที่ 17 มกราคม ของทุกปี เป็นวันสดุดีวีรชนกองทัพเรือ เพื่อแสดงความเคารพและรำลึกถึงวีรกรรมของทหารหาญแห่งราชนาวีไทย ที่ได้สละชีวิตเพื่อรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติจวบจนปัจจุบัน
ในครั้งนั้น ฝรั่งเศสส่งกำลังเข้ารุกล้ำน่านน้ำไทยบริเวณเกาะช้าง รวมทั้งสิ้น 7 ลำ โดยมีเรือธงลามอตปิเกต์ ซึ่งลำนี้ลำเดียวมีระวางขับน้ำถึง 9,350 ตัน นอกจากนั้นยังมีเรือสลุตอีก 2 ลำ และเรือปืนอีก 4 ลำ ขณะที่กองทัพไทย มีกำลังรบเพียง 3 ลำ คือ เรือหลวงธนบุรี เรือหลวงสงขลา และเรือหลวงชลบุรี เราจึงเสียเปรียบในด้านกำลังรบอย่างไม่อาจจะเทียบกันได้ แต่บรรพบุรุษทหารเรือของเรายังคงมีขวัญและกำลังใจที่ดี และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญตราบจนเรือหลวงของไทยทั้ง 3 ลำ ต้องจมลงสู่อ้อมอกของท้องทะเลตราดพร้อมกับนายทหารและทหารประจำเรือที่เสียชีวิตไปถึง 36 นาย
หากเราย้อนไปดูประวัติการรบทางเรือของราชนาวีไทย ยังมีการรบที่ควรนำมากล่าว ณ ที่นี้ ที่บรรพบุรุษทหารเรือได้เข้าปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างเต็มกำลังความสามารถ คือการรบที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม รศ.112 เรือรบฝรั่งเศส 2 ลำ ได้ตีฝ่าเข้ามาในแม่น้ำเจ้าพระยา กำลังทางเรือของเราอันประกอบด้วย เรือหลวงมงกุฎราชกุมาร เรือหลวงนฤเบนทร์บุตรี เรือหลวงทูลกระหม่อม เรือหลวงหาญหักศัตรู และกำลังที่ป้อมพระจุลจอมเกล้า และป้อมผีเสื้อสมุทร ได้ร่วมกันปกป้องแผ่นดินเพื่อรักษาเอกราชอย่างสุดความสามารถ ในครั้งนี้ ทหารเรือเสียชีวิตไปทั้งหมด 12 นาย ในปีพุทธศักราช 2483 กองทัพเรือได้ส่งเรือไปร่วมสมทบกับกำลังทางเรือของสหประชาชาติในสงครามเกาหลี ทำให้เราต้องสูญเสียเรือหลวงประแสร์ลำแรกไปพร้อมกับชีวิตของทหารเรืออีก 2 นาย
บรรพบุรุษของทหารเรือผู้กล้าหาญที่กล่าวมาข้างต้น หรือแม้แต่ที่มิได้กล่าวถึง ต่างก็ได้ยอมสละชีวิตอันมีค่าของตนเพื่อปกป้องแผ่นดินไทย สมเป็นชายชาติทหารอย่างแท้จริงดังเช่นบรรพบุรุษที่กล้าหาญของเราได้เคยกระทำไว้เพื่อรักษาแผ่นดินไทย ให้ดำรงความเป็นเอกราชตราบเท่าทุกวันนี้ วีรกรรมของท่านเหล่านี้ได้นำเกียรติประวัติอันดีงามมาสู่ประเทศไทยเรา
ภายในอนุสรณ์สถาน มีการจัดแสดงประวัติการสู้รบระหว่างกองทัพเรือไทยและกับกองทัพเรือฝรั่งเศส และพระราชประวัติขององค์พระบิดากองทัพเรือไทย พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หรือ “เสด็จเตี่ย” บริเวณโดยรอบของสถานที่เป็นจุดชมวิวซึ่งสามารถมองเห็นเกาะช้างได้อย่างชัดเจน